“Soi Dog Foundation started from John and Gill Dalley, a British couple retiring to the island of Phuket in Thailand. Both had had successful careers in England – Gill as a banker and John in the chemicals industry. The couple had married in Phuket in 1996 and instantly fell in love with the paradise island on the west coast of Thailand. They had decided early on that when they did have enough money to retire, Phuket would become their final home. In 2003, their dream came true when they flew to Phuket to start their new lives. Both wanted to do something in the local Phuket community as a way of helping the island that had left them with so many happy memories over the years. John and Gill decided they wanted to address the stray dog and cat problem on the island, which was, in fact, an issue throughout all of Thailand.”

As John says, “We were a bit shocked at first. Most of the dogs were emaciated through malnutrition. Many had mange and were covered in sores. Some had open wounds, which could have been caused by road traffic accidents, dog fights, or human cruelty. Many of the wounds were infested with parasites and maggots and riddled with infection. They were living on the streets without anyone to care for them. I wanted to find a solution to improve their lives but was unsure how to do this. The scale of the problem was just so overwhelming.”

Meeting Margot Homburg.

As they investigated how to help street dogs and cats, they met Margot Homburg, a Dutch expatriate who had recently moved to Phuket from Bangkok. She had been neutering dogs in her local neighborhood in Bangkok by taking them to a local vet, and she had set up a charity called Soi Dog Foundation. They joined forces, deciding that the best long-term solution to the street dog and cat problem in Phuket was a mass spay and neuter program, as it would significantly reduce the number of animals being born on the streets to suffer a life of misery. Together, they began setting up spay and neuter clinics throughout the island. John, Gill, and Margot became the dog catchers and vet nurses, while the neutering operations themselves were carried out by overseas volunteer vets and occasionally nurses. Since numerous local and overseas veterinarians helped Soi Dog Foundation, the neuter program began as a very small but effective operation.

“To improve the welfare of dogs and cats in Asia, resulting in better lives for both the animal and human communities, to create a society without homeless animals, and to ultimately end animal cruelty.”

In September 2004, while rescuing a tranquilized dog that had run into a flooded buffalo field, Gill contracted septicemia. She was airlifted to Bangkok and was in a coma for several weeks. On December 22nd, 2004, she discharged herself from the hospital, returned to Phuket, and was determined to enjoy Christmas at home. However, on December 26th, 2004, the devastating Indian Ocean tsunami struck, taking the lives of thousands, including Leone Cosens, Gill’s closest friend and a dedicated Soi Dog Foundation volunteer.

In 2005, WSPA (World Society for the Protection of Animals), whose fundraising efforts following the disaster had been very successful, was now looking for partners. They provided Soi Dog Foundation with a two-year grant, enabling them to employ full-time veterinarians and dog catchers for the first time.

In late 2005, the organization became the first of its kind to be granted foundation status in Thailand, and a principally Thai board was established.

In 2008, a large area was found at Mai Khao Beach, northern Phuket. Construction began on building a new shelter, which remains the headquarters of the foundation today.

Thailand introduced its first animal welfare law in late 2014. Among other things, the Prevention of Animal Cruelty and Provision of Animal Welfare Act makes it illegal to eat dog and cat meat. Soi Dog Foundation sat on the committee that drafted the full details of the law, and John remains one of the few foreigners to have been involved in the drafting of legislation in Thailand.

Today, Soi Dog Foundation has state-of-the-art dog and cat hospitals, the former being the largest and most comprehensive hospital in Asia, and possibly the world, dedicated solely to the treatment of street dogs. Gill devoted the last four years of her life to designing and overseeing the construction of the dog hospital to fulfill a promise she made many years earlier to provide the best possible treatment for her beloved street dogs. Almost 870,000 dogs and cats have been neutered since Soi Dog Foundation’s inception, including more than 80% of the stray dog population in Phuket. The sight of tens of thousands of emaciated and sick dogs on the streets is now a thing of the past, at least in Phuket. Mobile spay and neuter clinics are now run in other provinces as well as being expanded to Bangkok, which has the largest street dog population in Thailand. It took John and Gill nine years to see the first 50,000 animals spayed, neutered, and vaccinated. The next 50,000 took just three years. In 2019, Soi Dog Foundation achieved over 100,000 spay/neuter procedures for the first time in a calendar year and, in July 2022, surpassed three-quarters of a million animals spayed/neutered. It is now neutering and vaccinating more stray animals than any other organization in the world.

Sadly, Gill passed away after a short battle with cancer in early 2017. John remains fully involved in Soi Dog Foundation, honoring his commitment to Gill and the street dogs and cats.

In 2020, Mr. John Dalley was awarded an MBE in Queen Elizabeth II’s birthday honors for services to animal welfare in Southeast Asia.

Nonprofit Registration

To find out more about Soi Dog’s mission and our work, you can view “The Little Orange Book.” Click “https://pub.soidog.org/lob.pdf.”

——————————————————————–

มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย

มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอยเริ่มต้นจากจอห์นและกิลล์ ดัลลีย์ คู่รักชาวอังกฤษที่มาพักผ่อนเกษียณอายุที่เกาะภูเก็ตในประเทศไทย ทั้งคู่ประสบความสำเร็จในอาชีพการงานในอังกฤษ คุณกิลล์เป็นนายธนาคาร และคุณจอห์นทำงานทางด้านอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ ทั้งคู่แต่งงานกันที่ภูเก็ตในปี พ.ศ. 2539 และตกหลุมรักเกาะภูเก็ตของประเทศไทยในทันที คุณกิลล์ และคุณจอห์นตัดสินใจตั้งแต่ว่าเมื่อมีเงินเพียงพอสำหรับเกษียณ ภูเก็ตจะกลายเป็นบ้านหลังสุดท้าย ในปี พ.ศ. 2546 ความฝันของคุณกิลล์ และคุณจอห์นเป็นจริง เมื่อพวกเขาบินมาที่ภูเก็ตเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ ทั้งคู่ต้องการทำบางสิ่งในชุมชนท้องถิ่นของภูเก็ตเพื่อช่วยเกาะแห่งนี้ซึ่งทิ้งความทรงจำอันแสนสุขไว้ให้กับพวกเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา คุณกิลล์ และคุณจอห์นตัดสินใจว่าต้องการแก้ไขปัญหาสุนัขและแมวจรจัดบนเกาะ ซึ่งอันที่จริงแล้วเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วประเทศไทย

คุณจอห์นให้สัมภาษณ์ว่า “ตอนแรกพวกเราตกใจเล็กน้อย สุนัขส่วนใหญ่ผอมแห้งเพราะขาดสารอาหาร สุนัขหลายตัวเป็นโรคเรื้อนและมีแผลพุพอง บางตัวมีบาดแผลเปิดซึ่งอาจเกิดจากอุบัติเหตุบนท้องถนน การกัดกันเองระหว่างสุนัข หรือการทารุณกรรมโดยมนุษย์ บาดแผลหลายแห่งเต็มไปด้วยพยาธิ หนอน และติดเชื้อ พวกสุนัขอาศัยอยู่ตามท้องถนนโดยไม่มีใครดูแล พวกเราต้องการหาทางออกเพื่อพัฒนาชีวิตของพวกสุนัขเหล่านี้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไร ขนาดของปัญหานั้นใหญ่มาก”

พบกับคุณมาร์กอท ฮอมบวร์ก

ขณะที่คุณกิลล์ และคุณจอห์นหาวิธีช่วยเหลือสุนัขและแมวข้างถนน พวกเขาได้พบกับคุณมาร์กอท ฮอมบวร์กชาวดัตช์ที่อพยพมาจากกรุงเทพฯ ที่เพิ่งย้ายมาภูเก็ตเมื่อไม่นานมานี้ คุณมาร์กอท ฮอมบวร์กทำหมันสุนัขในละแวกบ้านของเธอในกรุงเทพฯ โดยพาพวกสุนัขไปหาสัตว์แพทย์ในพื้นที่ และคุณมาร์กอท ฮอมบวร์กได้ตั้งองค์กรการกุศลที่ชื่อว่ามูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย คุณกิลล์ คุณจอห์น และคุณมาร์กอท ฮอมบวร์ก ได้รวมกันตัดสินใจว่าวิธีแก้ปัญหาระยะยาวที่ดีที่สุดสำหรับปัญหาสุนัขและแมวข้างถนนในภูเก็ตคือโครงการทำหมันจำนวนมาก เนื่องจากจะช่วยลดจำนวนสุนัขและแมวที่ต้องทนทุกข์ยากในชีวิตได้อย่างมาก คุณกิลล์ คุณจอห์น และคุณมาร์กอท ฮอมบวร์ก ร่วมกันจัดตั้งคลินิกทำหมันทั่วเกาะภูเก็ต โดยคุณกิลล์ คุณจอห์น และคุณมาร์กอท ฮอมบวร์ก กลายเป็นคนจับสุนัขและรักษาพยาบาลสัตว์ ในขณะที่การทำหมันนั้นดำเนินการโดยสัตวแพทย์และพยาบาลอาสาสมัครจากต่างประเทศ เนื่องจากสัตวแพทย์ทั้งในและต่างประเทศจำนวนมากให้ความช่วยเหลือมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย โครงการทำหมันจึงเริ่มต้นขึ้นด้วยการดำเนินการเล็กๆ แต่ได้ผลดี

พันธกิจ

“เพื่อปรับปรุงสวัสดิภาพของสุนัขและแมวในเอเชีย ส่งผลให้ชีวิตสัตว์ดี เพื่อสร้างสังคมที่ปราศจากสุนัขและแมว และยุติการทารุณกรรมสัตว์ในที่สุด”

ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2547 ขณะกำลังช่วยเหลือสุนัขที่วิ่งเข้าไปในทุ่งกระบือที่ถูกน้ำท่วม คุณกิลล์ ได้เกิดภาวะโลหิตเป็นพิษ และถูกส่งตัวมารักษาที่กรุงเทพฯ คุณกิลล์อยู่ในอาการโคม่าเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ในวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2547 คุณกิลล์ ออกจากโรงพยาบาล กลับไปภูเก็ตและตั้งใจจะฉลองคริสต์มาสที่บ้าน อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 26ธันวาคม พ.ศ. 2547 สึนามิที่ทำลายล้างในมหาสมุทรอินเดียได้พัดถล่ม คร่าชีวิตผู้คนไปหลายพันคน รวมถึง คุณลีโอน โคเซนส์ เพื่อนสนิทของคุณกิลล์ และอาสาสมัครของมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย

ในปี พ.ศ. 2548 สมาคมพิทักษ์สัตว์แห่งโลก (World Society for the Protection of Animals) ซึ่งได้มีการระดมทุนหลังจากเกิดภัยพิบัติประสบความสำเร็จอย่างมาก กำลังมองหาพันธมิตร ทางสมาคมพิทักษ์สัตว์แห่งโลกได้ให้ทุนสนับสนุนมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอยเป็นเวลาสองปี ทำให้มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอยสามารถจ้างสัตวแพทย์เต็มเวลาและคนจับสุนัขได้เป็นครั้งแรก ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2548 มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอยได้รับสถานะเป็นมูลนิธิในประเทศไทย และมีการจัดตั้งคณะกรรมการที่ประกอบด้วยคนไทยเป็นหลัก

ในปี พ.ศ. 2551 มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอยได้พื้นที่ขนาดใหญ่บริเวณหาดไม้ขาว ทางตอนเหนือของจังหวัดภูเก็ต การก่อสร้างจึงเริ่มขึ้นเพื่อสร้างที่พักพิงแห่งใหม่สำหรับสุนัขและแมวจรจัด ซึ่งยังคงเป็นสำนักงานใหญ่ของมูลนิธิในปัจจุบัน

เมื่อปลายปี พ.ศ. 2557 ประเทศไทยประกาศใช้พระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมสัตว์และการจัดสวัสดิภาพสัตว์ฉบับแรก พระราชบัญญัติฉบับนี้ทำให้การรับประทานเนื้อสุนัขและแมวเป็นเรื่องผิดกฎหมาย มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอยได้ร่วมเป็นคณะกรรมการที่ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ และคุณจอห์น ยังคงเป็นหนึ่งในชาวต่างชาติไม่กี่คนที่มีส่วนร่วมในการร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ในประเทศไทย

ปัจจุบัน มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอยมีโรงพยาบาลสุนัขและแมวที่ทันสมัย ซึ่งเคยเป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดและครบวงจรที่สุดในเอเชีย และอาจเป็นไปได้ว่าในโลก โดยอุทิศตนเพื่อการรักษาสุนัขข้างถนนโดยเฉพาะ คุณกิลล์ อุทิศเวลา 4 ปีที่ผ่านมาในชีวิตให้กับการออกแบบและดูแลการก่อสร้างโรงพยาบาลสุนัขเพื่อทำตามสัญญาที่ให้ไว้เมื่อหลายปีก่อนว่าจะให้การรักษาที่ดีที่สุดสำหรับสุนัขข้างถนนที่เธอรัก สุนัขและแมวเกือบ 870,000 ตัวได้รับการทำหมันตั้งแต่ก่อตั้งมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย ซึ่งรวมถึงมากกว่า 80% ของประชากรสุนัขจรจัดในภูเก็ต การพบเห็นสุนัขผอมแห้งและป่วยหลายหมื่นตัวตามท้องถนนกลายเป็นอดีตไปแล้ว อย่างน้อยก็ในภูเก็ต ปัจจุบันมีคลินิกทำหมันเคลื่อนที่และทำหมันในต่างจังหวัดและขยายไปที่กรุงเทพฯ ซึ่งมีประชากรสุนัขข้างถนนมากที่สุดในประเทศไทย คุณกิลล์ และคุณจอห์นใช้เวลา 9 ปีกว่าจะได้เห็นสัตว์ 50,000 ตัวแรกทำหมัน/ทำหมันและฉีดวัคซีน อีก 50,000 ตัวใช้เวลาเพียง 3 ปี ในปี พ.ศ. 2562 มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอยประสบความสำเร็จในการทำหมันไปแล้วกว่า 100,000 ครั้งในเวลาเพียวปีเดียว และในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2565 มีสัตว์ที่ทำหมันเกิน 750,000 ตัว ตอนนี้มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอยทำหมันและฉีดวัคซีนสัตว์จรจัดมากกว่าองค์กรอื่นใดในโลก

ต้นปี พ.ศ. 2560 เป็นที่น่าเศร้าที่คุณกิลล์ เสียชีวิตหลังจากต่อสู้กับโรคมะเร็งได้ไม่นาน คุณจอห์นยังคงทำงานอย่างเต็มที่กับมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย เพื่อระลึกถึงคุณกิลล์ และสุนัขและแมวข้างถนน

ในปี พ.ศ. 2563 คุณจอห์น ดัลลีย์ ได้รับรางวัล MBE เนื่องในวันคล้ายวันประสูติของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 สำหรับการทำงานเพื่อสวัสดิภาพสัตว์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

องค์กรการกุศลที่ไม่แสวงหาผลกำไร

หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพันธกิจของมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอยและผลงานของเรา คุณสามารถดู “Little Orange Book” ของเราได้โดยคลิกที่นี่ https://pub.soidog.org/lob.pdf

มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอยเป็นองค์กรการกุศลที่ไม่แสวงหาผลกำไร จดทะเบียนตามกฎหมายในประเทศไทย:

ประเทศไทย: ภ.ง.ด. 39/2548;
สหรัฐอเมริกา: 27-1600444;
ออสเตรเลีย: 58982568831;
ฮอลแลนด์: 37120202;
ฝรั่งเศส: W332011412;
สหราชอาณาจักร: 1176305;
แคนาดา: 981179-6;
สวิตเซอร์แลนด์: CHE-393.768.679

มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอยได้รับตราสัญลักษณ์ความโปร่งใสระดับแพลทินัมจาก GuideStar ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลที่ไม่แสวงหากำไรที่ใหญ่ที่สุดในโลก และคะแนนสูงสุด 4 ดาวจาก Charity Navigator

มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย เปิดทำการ วันจันทร์ ถึง วันศุกร์
เวลา 08.00–17.00 น.
คำถามทั่วไป: [email protected]
สอบถามข้อมูลการบริจาคและการระดมทุน: [email protected]
สอบถามข้อมูลการเป็นอาสาสมัคร: [email protected]

For all inquiries by postal mail: 
สำหรับการสอบถามอื่นๆคำถามทั้งหมดทางไปรษณีย์:
มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย 167/9 หมู่ 4 ซอยไม้ขาว 10 ตำบล ไม้ขาว อำเภอ ถลาง ภูเก็ต 83110 ประเทศไทย
โทรศัพท์: +66 (0)76 681 029;

SawasdeeUSA